คุณเห็นไหม ก้าวเล็ก ๆ หนึ่งก้าวจากทุกคนในทิศทางที่ถูกต้องสามารถส่งผลให้เกิดการก้าวกระโดดใหญ่ในวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และก้าวเล็ก ๆ นั้นง่ายมาก ก็แค่ ไม่ฆ่า ยึดมั่นในหลักของ “มีชีวิตและให้ชีวิต” ยึดมั่นในกฎจักรวาลที่ว่า เราให้ชีวิตแล้วจะได้รับชีวิต เพราะสิ่งที่เหมือนกันดึงดูดกัน ซึ่งเราทุกคนทราบดีอยู่แล้ว สิ่งนี้ แน่นอนว่า รวมถึงการรับเอาอาหารวีแก้นมาปฏิบัติ
มนุษย์โดยธรรมชาติมีจิตใจที่ดีและมีสันติในหัวใจ แค่ว่าเราได้รับทราบข้อมูลที่ผิด ๆ เข้าใจผิดมาเป็นเวลานาน นาน นานมาก เราคิดว่าเนื้อสัตว์ดีต่อเรา เราคิดว่านมนั้นดีต่อเรา เราคิดว่าปลานั้นดีต่อเรา เราคิดว่าไข่นั้นดีต่อเรา มันผิดหมด มันตรงข้ามโดยสิ้นเชิง มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่เราได้รับการบอกกล่าวว่าดีสำหรับเราเหล่านี้ – อย่างเนื้อสัตว์ ปลา ผลิตภัณฑ์นม ไข่ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ใดก็ตามนั้น “ดีต่อเรา” – มันผิดหมด มันตรงข้ามกับสิ่งที่ดี มันนำมาซึ่งความทุกข์ทรมาน การเจ็บป่วย และการสูญเสียทางการเงินมากมายจากผู้เสียภาษีสำหรับการรักษาโรคและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
ดังนั้น เราได้รับการนำทางอย่างผิด ๆ มาเป็นเวลานาน นานมาก ตอนนี้ เราได้ทำการค้นคว้า เราต้องฟังแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้มีปัญญา เราต้องมองที่ผลการวิจัยของพวกเขาที่ว่าเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์นั้นเป็นพิษต่อเราจริง ๆ เราต้องหยุดเดี๋ยวนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หยุดเพื่อประโยชน์ของลูก ๆ ของเรา เราไม่สามารถเอาแต่ให้พิษแก่ลูก ๆ ของเราได้อีกต่อไป พวกเขาช่วยตัวเองไม่ได้ เด็ก ๆ ที่น่าสงสาร พวกเขาพึ่งพาเรา พวกเขาคิดว่าเรารู้ดีกว่า แต่มันไม่ใช่ความผิดของเราด้วยเช่นกัน เราแค่จำเป็นต้องกลับหลังหัน
ทำไมมันจึงไม่ใช่ความผิดของเรา? เพราะเราก็ถูกสอนมาเช่นกัน และปู่ย่าตายายของเรา บรรพบุรุษของเราก็ถูกสอนมาอย่างนั้น และเนื่องจากเรายุ่งมากกับการอยู่รอด การทำงานในแต่ละวัน เราไม่มีเวลาที่จะศึกษา เราจึงไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นพิษต่อเราจริง ๆ
และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด มันคือการกัดกินดาวเคราะห์ของเรา มันไม่ใช่แค่การคร่าชีวิตผู้คน มันไม่ใช่แค่การฆ่าสัตว์ มันกำลังฆ่าโลกของเรา และเราต้องหยุดมันเพื่อที่จะรักษาโลกของเราไว้ เราแค่กลับหลังหันเท่านั้น แค่เดินในทิศตรงกันข้าม เดินบนหนทางที่ถูกต้องที่ไม่สร้างความทุกข์ทรมานอีกต่อไป ไม่คร่าชีวิตอีกต่อไป แต่รักและปกป้องสรรพสิ่งทั้งมวล นั้นคือการกระโดดที่มนุษยชาติจำเป็นต้องทำ
เราจะรู้สึกแตกต่างโดยสิ้นเชิงหลังจากที่เราทำการก้าวกระโดดนี้ เราจะรู้สึกได้ถึงการวิวัฒนาการสู่ระดับจิตสำนึกที่สูงกว่าโดยอัตโนมัติ แค่จินตนาการดูว่าเราตัวใหญ่ เข้มแข็ง เฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เราสามารถที่จะเพาะปลูกสิ่งต่าง ๆ เป็นอาหาร และไม่ควรใช้พลังอำนาจของเรา ความฉลาดของเรา ความสามารถของเราไปกับการรบกวน ทำร้าย ทรมาน และฆ่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และไร้เดียงสาเหล่านั้น ผู้ซึ่งไม่เคยทำร้ายเรา ตามกฎหมายแล้ว พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และถ้าเราฆ่าผู้บริสุทธิ์ เราก็ควรถูกลงโทษ ฉันขอโทษด้วยถ้าฉันทำให้คุณขุ่นเคือง แต่นี่คือความจริงและฉันมั่นใจว่าคุณเข้าใจ
ด้วยการก้าวกระโดดของเราในการวิวัฒนาการนี้ เราสามารถละทิ้งชีวิตแห่งความขาดแคลนและความกลัว สู่ชีวิตที่แท้จริงแห่งสันติสุขและความรักและการรู้แจ้ง - จากวัฏจักรที่ชั่วร้ายของการฆ่า ทุกข์ทรมานและความรุนแรง สู่วัฏจักรของความรักความเมตตา การปกป้องและความสุข
เรานึกถึงโลกซึ่งผู้อ่อนแอไม่เคยต้องหวาดกลัวผู้แข็งแรงออกไหม? ที่ซึ่งไม่มีความรุนแรงอีกต่อไป ไม่มีการต่อสู้ระหว่างเพื่อนบ้านใกล้ไกล และไม่มีเด็กที่ต้องเสียชีวิตจากความหิวโหย กระหายน้ำหรือเจ็บป่วย ทุก ๆ สองสามวินาที ทุกวัน ขณะที่แม่ของพวกเขาเฝ้าดูแต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้โดยหัวใจของเธอต้องจมอยู่ในความเศร้า เราจินตนาการโลกแบบนี้ออกไหม?
ขณะที่ฉันกำลังพูด เด็ก ๆ มากมายกำลังเสียชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง ทุกสองสามวินาที เด็กหนึ่งคนเสียชีวิตจากความหิวโหย เราไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้อีกต่อไป เราไม่สามารถรอได้อีก เราต้องช่วยชีวิตเหล่านี้ – ไม่ใช่แค่ชีวิตของสัตว์ แต่เป็นชีวิตของลูก ๆ ของเราด้วย แม้ว่ามันไม่ใช่ลูก ๆ ของเรา แม้ว่าจะเป็นลูกของคนอื่นก็ตาม
เนื้อสัตว์ทำให้เกิดความทุกข์มากมายเพราะมันทำให้เกิดความหิวโหยและสงคราม เราใช้ธัญญาหาร เมล็ดธัญพืช ถั่วเหลือง และทรัพยากรที่ดีทั้งหมดของเรา และที่ดินและน้ำเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ โลกจึงขาดแคลนอาหารและน้ำ ดังนั้น การที่จะรักษาชีวิต เราต้องหยุดอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์
วิธีที่เราดำเนินชีวิตอยู่ในตอนนี้ เป็นสภาพที่ถูกทำให้เสื่อมถอยของตัวตนที่แท้จริงของเรา เราคือบุตรของพระเจ้าซึ่งมีแต่ความรักและกรุณา เราคือทายาทแห่งสวรรค์ เราแค่ลืมไป คุณลองนึกภาพพระเจ้าที่มายังโลกและฆ่าทุกสิ่งในสายตาเพื่อกินเป็นอาหาร? ขอโทษด้วย ถ้ามีพระเจ้าอย่างนั้น ฉันก็ไม่อยากเป็นบุตรของท่าน คุณอยากเป็นลูก ๆ ของพระเจ้าแบบนั้นหรือ?
โอเค ไม่ ขอบคุณ ขอบคุณ คุณใจดีมาก ทีนี้ ถ้าพระเจ้าคือความเมตตาทั้งมวล ความกรุณาทั้งมวล ความรักทั้งมวลและเราคือบุตรของพระเจ้าแล้ว คุณไม่คิดหรือว่าเราควรเดินบนโลกนี้อย่างบุตรของพระเจ้า
เราต้องเดินบนวิถีทางแห่งความรักและเมตตา เราต้องเป็นตัวแทนของพระบิดาของเรา ถ้าเราต้องการที่จะสรรเสริญพระนามของพระองค์ เราภาวนาอยู่เสมอทุก ๆ วัน “ศักดิ์สิทธิ์คือพระนามของท่านบนสวรรค์และบนโลก” แต่เราทำอะไรเพื่อสรรเสริญพระนามของพระองค์? เราต้องเป็นตัวแทนของพระองค์
เราภาวนาถึงพระเจ้าอยู่เสมอเพราะเราเชื่อว่า พระเจ้าทรงมีเมตตา ปกป้อง กรุณาและรักใคร่ และเราคือลูก ๆ ของพระเจ้า เราต้องเป็นตัวแทนของคุณสมบัติเหล่านี้ เราคือคุณสมบัติเหล่านั้น เราคือความรักและความกรุณา เราแค่ถูกชักนำไปในทางที่ผิด ได้รับข้อมูลที่ผิด และเราได้ลืมไป ดังนั้นแค่โปรดจำไว้ คุณสมบัติเหล่านี้อยู่ลึกในตัวเรา เราจึงรู้ว่าต้องมีบางสิ่งที่ดีกว่าที่เราเห็นอยู่รอบตัว
เรามีตัวอย่างตลอดยุคสมัยต่าง ๆ ของมนุษย์ผู้ที่ชีวิตของพวกเขาได้ยกระดับ ซึ่งยังคงส่องสว่างโชติช่วงจนถึงทุกวันนี้ – ไม่ใช่เพียงครูทางจิตวิญญาณ แต่ยังมีนักปราชญ์ อย่าง พลาโต รัฐบุรุษอย่างโซเครติส นักคณิตศาสตร์ ปิธากอรัส และกวี ราลฟ์ วัลโด อีเมอร์สัน แห่งสหรัฐอเมริกา พวกเขาทุกคนล้วนเป็นมังสวิรัติ คุณประหลาดใจไหม? ไม่ คุณไม่ได้ดูเหมือนประหลาดใจสำหรับฉัน ดังนั้นคุณทราบทั้งหมดนั้นแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่ทุกคน พวกเขาเป็นนักมังสวิรัติหรือวีแก้น ดังนั้น หากเราศึกษาอย่างระมัดระวัง เราจะเห็นได้ว่า แก่นพื้นฐานของชีวิตที่เจริญที่พวกเขาพร่ำสอนก็คือการทานอาหารวีแก้น
การทานอาหารวีแก้นเป็นหนึ่งการกระทำที่สำคัญที่สุด อันดับแรก อย่างเดียว ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีเมตตา ไม่ทำร้ายชีวิตอื่น และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย ถ้าเราเปรียบเทียบอาหารที่มีเนื้อสัตว์กับอาหารวีแก้น [อาหารที่มีเนื้อสัตว์] ใช้น้ำประมาณ 14 เท่า ธัญพืชหกเท่า พลังงานมากกว่า 10 เท่า และที่ดินมากกว่า 20 เท่า ขณะที่ทำลายป่าฝนอันล้ำค่า
การเป็นวีแก้นเป็นธุรกิจที่ดีในเรื่องของบุญกุศลอันดีงามและการรักษาบ้านหลังเดียวที่เรามี ยิ่งความเสียหายและอันตรายที่เรากระทำต่อดาวเคราะห์และที่อยู่อาศัยของเราน้อยลงเท่าใด มันหมายความว่าเราจะชดใช้น้อยลงด้วย เรากำลังชดใช้มากมายในตอนนี้ และเราจะชดใช้มากกว่านี้หากเราไม่หยุดอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์
ยิ่งเรามีความรักความกรุณาและปกป้องสรรพสิ่งทั้งหลายมากเท่าใด เราจะยิ่งยิ่งใหญ่ ความรู้สึกยิ่งใหญ่ในหัวใจของเราและในอาณาจักรแห่งสวรรค์ นั่นคือเหตุผลที่อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่และทุกจิตวิญญาณที่ส่องสว่างดวงอื่น ๆ ในอดีตสอนเราอย่างเดียวกันและเหมือนกันว่า ถ้าเราไม่ปรารถนาที่จะถูกทำร้าย เราต้องไม่ทำร้ายผู้อื่น คุณดูที่ทุกศาสนา [และ] ทุกศาสนากล่าวถึงสิ่งเดียวกันนี้ ประโยคนี้ ความหมายเดียวกันนี้ อะไรก็ตามที่ดีต่อเรา เราควรทำเพื่อผู้อื่น เราหว่านพืชอะไรเราก็จะได้รับผลเช่นนั้น ไม่มีผิดเพี้ยน นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาสอนเราไม่ให้กินสัตว์และให้เป็นวีแก้น
ถ้าเราทำการก้าวกระโดดนี้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เล็กมากในเรื่องการทานอาหาร แทนที่จะเป็นเนื้อสัตว์ แทนที่จะเป็นโปรตีนสัตว์ เราเลือกโปรตีนจากพืชผัก ซึ่งเป็นโปรตีนชั้นหนึ่งอยู่แล้ว โปรตีนสัตว์คือโปรตีนชั้นสอง ทำไมหรือ? เพราะว่าพวกเขาได้กินพืชผักและผลไม้ชั้นหนึ่ง แล้วเราก็กินเนื้อของพวกเขา นั่นคือชั้นสอง เราเป็นมนุษย์ ทำไมเราจึงเลือกสิ่งที่เป็นชั้นสองด้วย? มันไม่เหมาะสมกับเรา ดังนั้นเราต้องทำการก้าวกระโดดนี้
เราต้องทำการก้าวกระโดดนี้ ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ เพราะถ้าเราทำเช่นนั้นแล้ว ยุคทองก็จะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า ซึ่งเป็นยุคแห่งการมีชีวิตอย่างสันติโดยไม่มีการสูญเสียชีวิตตลอดไป – การตายก่อนเวลาของหลายหมื่นล้านชีวิตต่อปี! การฆ่าและทรมานเพื่อความเพลินใจชั่วครู่ของเรา ซึ่งเราสามารถทดแทนได้เสมอ เนื้อสัตว์นั้นสามารถทดแทนได้
มีความอัศจรรย์มากมายของชีวิตบนโลกที่เรายังไม่เคยประสบและต้องค้นพบ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มากมายได้ถูกค้นพบและสำรวจ และประดิษฐ์คิดค้น และเทคโนโลยีที่น่าอัศจรรย์ได้ถูกค้นพบและพัฒนา! มีระบบสังคมที่ดีกว่า เหล่านี้เป็นสิ่งที่ส่วนใหญ่แล้วอยู่เหนือระดับแห่งตรรกะหรือแม้แต่การจินตนาการในปัจจุบันของเรา แต่พวกเขาสามารถทำสำเร็จได้ เพียงเข้าสู่ปัญญาและพลังสร้างสรรค์ของเรา
การที่จะเปิดปัญญานี้ เราต้องขจัดสิ่งที่เป็นโทษ สิ่งกีดขวางที่เป็นอุปสรรคและระงับมันไว้ อย่างเช่น เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม ปลา เป็ดไก่และผลิตภัณฑ์สัตว์ทั้งหมด สิ่งเหล่านี้กีดขวางความเฉลียวฉลาดของเรา หน่วงความก้าวหน้าของเรา ไม่ใช่แค่ทางจิตวิญญาณ ศีลธรรม แต่ในด้านเทคโนโลยีด้วย
สุดท้ายนี้ นอกเหนือจากเหตุผลส่วนตัวของเราที่อยากจะต้อนรับยุคทอง เรายังมีโลกนี้ให้พิจารณา ซึ่งฉันแน่ใจว่าคุณรู้ว่าเรากำลังเสี่ยงต่อการสูญเสียมันไปอยู่ทุกขณะ ดังนั้น การก้าวกระโดดในจิตสำนึกก็เพื่อรักษาโลกของเราและสรรพสิ่งอื่น ๆ ทั้งมวลที่คู่ควรกับโลกแห่งความปรองดองให้อาศัยอยู่
ถ้าทุกคนทำก้าวกระโดดหรือการยกระดับนี้ เราสามารถรักษาโลกของเราไว้ได้ ฉันสัญญา ด้วยเกียรติทั้งหมดที่ฉันมี และพระเจ้าเป็นพยาน ในเวลาเดียวกัน เรายกระดับตัวเราเอง ซึ่งได้เลยกำหนดมานาน นานมากแล้ว
เผ่าพันธุ์มนุษย์พร้อมแล้วที่จะก้าวไปข้างหน้า
มันเป็นเวลาที่ดียิ่งที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ควรขึ้นสู่ระดับของจิตสำนึกที่สูงกว่า พวกเขาควรที่จะสูงส่ง มีเมตตากรุณา เป็นวีแก้น รักษ์สิ่งแวดล้อม ทำดี ไม่เพียงเพื่อโลกนี้ มันเพื่อความสูงส่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งมวล บุญและคุณสมบัติทางจิตวิญญาณ พวกเขาควรทำมัน แค่เพื่อการเป็นผู้สูงส่ง
เราต้องหันกลับสู่ธรรมชาติแห่งความเมตตาและห่วงใยในหัวใจของเรา ซึ่งง่ายมาก เราคือสิ่งนั้น เราคือความเมตตา กรุณา เราคือความห่วงใย
ถ้าเราปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะเห็นความกลมเกลียวที่แท้จริงเกิดขึ้นระหว่างมนุษย์และสัตว์และธรรมชาติและสวรรค์ เราต้องเป็นความกลมเกลียวนั้น เราต้องอาศัยอยู่ในความกลมเกลียวและประพฤติตนอย่างกลมเกลียวด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงการทานอาหารอย่างกลมเกลียวในแต่ละครั้งที่เรามาที่โต๊ะอาหาร
ทางเลือกวีแก้นจึงเป็นความก้าวหน้าที่แท้จริงในวิวัฒนาการและความดีงามของมนุษย์ชาติ และจากนั้น เราก็จะรู้ว่าสิ่งเหมือนกันดึงดูดกัน ความดีดึงดูดความดีเพิ่มมากขึ้น เมื่อเราแบ่งปันความจริงแห่งความเมตตานี้กับผู้อื่น ไม่ใช่แค่มนุษยชาติ เราจะได้รับการยกระดับ โลกนี้ก็เช่นกัน