• Chapter 3. Organic Veganism to Heal the Planet > Give Life to Save Life
    • III. ให้ชีวิตเพื่อรักษาชีวิต

      ก่อนที่เราจะคาดหวังว่าสิงโตอยู่อย่างสงบสุขกับแกะ เรามนุษย์ต้องทำมันก่อน

      การทานเนื้อสัตว์ฆ่าทั้งสัตว์และมนุษย์

       

      การทานเนื้อสัตว์เป็นความทารุณที่ใหญ่หลวงที่สุดที่คน ๆ หนึ่งจะกระทำได้ แม้แต่ต่อตัวเอง แม้ว่าเราไม่ได้ฆ่าสัตว์เอง เรายังต้องรับผิดชอบต่อสุขภาพของเรา

      สำหรับเนื้อสัตว์ เราฆ่า [สัตว์] เป็นพัน ๆ ล้านตัว สัตว์ 55 พันล้านตัว แปดเท่าของประชากรมนุษย์ ถูกฆ่าเพื่อการบริโภคของมนุษย์ในแต่ละปี103 สิ่งนี้ยังไม่ได้รวมถึงปลาอีกหลายพันล้านตัวที่ตายไป พร้อมกับการสูญเสียที่คิดเป็นสัตว์ที่ถูกฆ่า 155 ล้านตัวในแต่ละวัน

      นมก็ถือว่าเหมือนกับเนื้อสัตว์ เพราะความทารุณและความโหดร้ายนั้นเหมือนกัน และผลท้ายที่สุดก็คือการตายอย่างน่าสยดสยองสำหรับสัตว์ที่น่าสงสาร ไม่มีความเมตตาในอุตสาหกรรมนมด้วยเช่นกัน

      มนุษย์ก็เสียชีวิตในแต่ละปีเพราะเนื้อสัตว์และปลา และอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเนื้อสัตว์ เกือบ 33 ล้านคนจำนนต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับเนื้อสัตว์ในแต่ละปี โดยโรคหัวใจ มะเร็งและสภาวะอื่น ๆ ได้คร่าชีวิตไปมากกว่า 90,000 คนในแต่ละวัน

      แล้วยังมีผู้คนที่ไม่สามารถมีอาหาร เนื่องจากธัญพืชถูกใช้ไปกับการเลี้ยงสัตว์ที่เราฆ่าเป็นเนื้อ มี 25,000 คนเสียชีวิตจากความหิวโหยทางอ้อมเพราะเนื้อสัตว์เช่นกัน104 

      เรามีนับแสน ๆ คนที่เสียชีวิตในแต่ละปีผู้เป็นเหยื่อภาวะโลกร้อนที่เกิดจากเนื้อสัตว์ และเรามีคนไร้บ้านนับล้านเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง  เราเรียกพวกเขาว่าผู้ลี้ภัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ถ้ามีคำเช่นนี้  ที่จริงแล้ว พวกเขาไม่มีสถานะใด ๆ

      และสิ่งนี้ไม่รวมถึงสัตว์ป่าผู้บริสุทธิ์ และสัตว์เลี้ยงที่ทุกข์ทรมานเนื่องจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อสัตว์

      เนื้อสัตว์สร้างภาวะโลกร้อนและฆ่า ฆ่า และก็ฆ่า  ดังนั้น เนื้อสัตว์คือฆาตกร อาชญากรรมที่ต้องถูกหยุดยั้งไว้

       

      การฆ่าสัตว์ อาชญากรรมระดับโลก

       

      ไม่มีวิกฤติทางคุณธรรมใดที่ใหญ่หลวงไปกว่าการฆาตกรรมหมู่สิ่งมีชีวิตผู้บริสุทธิ์ผู้อ่อนโยนเพื่อความสุขของเรา ขณะที่เรามีทางเลือกอื่น ๆ  การฆ่าหมู่เช่นนี้เป็นอาชญากรรมระดับโลก และพลังงานการฆ่านี้นำไปสู่และสร้างสมพลังงานทางลบ ซึ่งทำให้เกิดความเสื่อมถอยทางสังคมและทำลายโลกของเรา

      เราได้สร้างพลังงานทางลบอย่างมากมายด้วยการฆ่าสิ่งมีชีวิตผู้อ่อนโยนนับพันล้าน ๆ ตัว และฆ่าเพื่อนมนุษย์ของเราด้วย ตลอดสหัสวรรษ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ทางตรงก็คือการทำสงคราม ทางอ้อมคือโรคที่เราสร้างขึ้นเอง อย่างเช่น กาฬโรคที่ระบาด โรคนิวโมเนีย และตอนนี้ มีไข้หวัดหมู ไข้หวัดนก ฯลฯ

      มันไม่ใช่เหตุบังเอิญที่สาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนก็คือการทานเนื้อสัตว์ และปัญหาทางสุขภาพอีกมากมายในโลกก็มาจากการทานเนื้อสัตว์ ดังนั้นการทานเนื้อสัตว์เป็นความโหดร้ายทารุณต่อสัตว์ การทานเนื้อสัตว์เป็นความโหดร้ายทารุณต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเรา การทานเนื้อสัตว์เป็นความโหดร้ายทารุณต่อความเป็นอยู่ที่ดีของลูก ๆ ของเรา การทานเนื้อสัตว์เป็นความโหดร้ายทารุณต่อโลกของเรา  จงเป็นวีแก้น และเราจะไม่ต้องทุกข์ทรมานจากผลกระทบเหล่านี้อีกเลย

      เราต้องหยุดฆ่ามนุษย์และสัตว์ เราต้องหยุดผลิตเนื้อสัตว์ เราต้องหยุดการใช้มัน สามหยุด หยุดฆ่า หยุดผลิต หยุดใช้ และหยุดกินมัน แน่นอน หยุดกินเนื้อสัตว์

      ตอนที่ผู้คนเข้าใจถึงความจริงที่น่าสยดสยอง ที่อยู่เบื้องหลังการทำฟาร์มสัตว์และความบริสุทธิ์ของสัตว์ทุกตัวที่เสียสละชีวิตของพวกเขา มันง่ายที่จะมองเห็นว่า การทานเนื้อที่ตายแล้วของสัตว์ ไม่เพียงไม่จำเป็น มันยังทิ้งรอยนิ้วเปื้อนเลือดไว้กับเราด้วย

      รักษาความกลมเกลียวกับธรรมชาติ

       

      เราทุกคนควรจำไว้ว่า เราแบ่งปันโลกที่พักอาศัยแห่งนี้ร่วมกัน น้ำ อากาศ ทรัพยากร อาหาร ทั้งหมดของธรรมชาติ เราแบ่งปันกันเท่านั้น จงเป็นวีแก้น รักษ์สิ่งแวดล้อม และรักษาโลกของพวกเขาด้วย โลกของสัตว์ ที่จริงแล้ว นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการฟื้นคืนสิ่งแวดล้อมของเรา และรับประกันสันติสุขในระดับที่สูงที่สุด

      เราเป็นส่วนหนึ่งของโลก และโลกเป็นส่วนหนึ่งของเรา ดอกไม้หอมเป็นพี่สาวของเรา กวาง ม้า นกอินทรีผู้ยิ่งใหญ่ก็เป็นพี่ชายของเรา  มนุษย์จะเป็นอะไรเล่าถ้าไม่มีสัตว์?”

      ถ้าสัตว์ทุกตัวหายไป มวลมนุษย์จะตายจากความโดดเดี่ยวทางจิตวิญญาณอันใหญ่หลวง  ยอดหิน ทุ่งชนบทที่ชุ่มชื้น ความอบอุ่นทางกายระหว่างม้าและคน – พวกเขาต่างเป็นของครอบครัวเดียวกัน

      โลกไม่ได้เป็นของมนุษย์ มันคือมนุษย์ที่เป็นของโลก”

      หัวหน้าชีลธ์ ดุวามิช หัวหน้าเผ่าอเมริกันพื้นเมือง ผู้ที่ชื่อถูกใช้ตั้งเป็นชื่อเมืองของซีแอทเทิลในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

       

      ลองนึกดูว่า ถ้าโลกเราไม่มีสัตว์เลย สุนัขทุกตัวหายไป แมวหายไป นกหายไป ปลาหายไป กระบือหายไป ช้างหายไป ลองนึกดู ไม่มีสัตว์ใดมีชีวิตรอด เราจะมีชีวิตอยู่อย่างไร? เราจะรู้สึกอุดมสมบูรณ์อย่างไร? มันจะแห้งแล้งมากและไร้ความหมาย

      ดังนั้น ถ้าเราเคารพทุกชีวิต เราไม่ฆ่าชีวิตใด โลกก็จะจัดหาความอุดมสมบูรณ์ให้กับทั้งมนุษย์และสัตว์ เราไม่จำเป็นต้องได้อะไรมาด้วยการทำร้ายสรรพสิ่งใด ๆ สิ่งนั้นหมายถึงการทานอาหารปลอดเนื้อสัตว์ เช่นเดิม เช่นเดิม และเช่นเดิม

      ถ้ามวลมนุษย์มีชีวิตปลอดเนื้อสัตว์ และมีชีวิตที่เคารพธรรมชาติ และสรรพชีวิตอื่น ๆ  เราก็จะมีสวรรค์บนโลก ทุกสิ่งจะได้รับการอภัยโทษ ทุกสิ่งจะดี โลกจะฟื้นตัว สัตว์จะขอบคุณ มนุษย์จะมีสุขภาพดี และทุกสิ่งจะมีความสุขและได้รับพร ทั้งหมดที่ต้องทำคือ เป็นวีแก้น

      สัตว์นำความรักมาให้โลก

       

      ที่จริงแล้ว สัตว์มาที่นี่เพื่อช่วยมวลมนุษย์ อย่างที่พระคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวไว้ ฉันให้พวกเขาเป็นเพื่อนคุณและเป็นผู้ช่วยของคุณมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนจะได้รับความช่วยเหลือนี้ และนั่นเป็นสิ่งที่น่าสมเพช  แต่พวกเขากลับฆ่าพวกเขาแทน

      อะไรก็ตามที่พระเจ้าจัดไว้บนโลกนั้นมีจุดประสงค์ เราไม่ควรฆ่าอะไรเลย เราไม่ควรทานอะไรนอกจากอาหารจากพืช

      สัตว์มายังโลกนี้โดยมีบทบาทที่พิเศษ พวกเขาจำนวนมากสามารถนำพลังอันสูงส่งหรือความรักมาจากสวรรค์ แค่ด้วยการมีพวกเขาอยู่ สัตว์บางตัว เช่น ม้าและกระต่าย สามารถปกป้องมนุษย์ผู้ดูแลจากอิทธิพลทางลบ หรือช่วยพวกเขาให้มีสุขภาพดี โชคดี แม้แต่โชคทางวัตถุ ความสุข หรือการยกระดับทางจิตวิญญาณ พวกเขาดูแลเราอย่างเงียบ ๆ และมอบพรให้แก่เราอย่างอ่อนน้อม พวกเขาบางตัวมาจากระดับของจิตสำนึกที่สูงกว่า พวกเขาแค่ลงมาในรูปของสัตว์เพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์หรือตัวตนอื่น ๆ บนโลก

      สัตว์ก็มีบทบาทที่สูงส่งและสำคัญในโลกทางกาย สัตว์บางตัว เช่น ม้าลาย ลิง และนกแก้วป่า ช่วยกระจายเมล็ดพืช ขณะที่ผึ้งและแมลงอื่น ๆ ช่วยผสมพันธุ์พืช และสัตว์อื่น ๆ รักษาสุขภาพที่ดีของป่าไม้และมหาสมุทร สัตว์ช่วยมนุษย์โดยตรงด้วยเช่นกัน

      ฉันอ่านในหนังสือพิมพ์ ฉันได้ยินทางวิทยุ ฉันเห็นบนทีวี สัตว์ที่สูงส่งมากมายที่ช่วยชีวิตผู้คน พวกเขาช่วยชีวิตเพื่อนของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาเองจะต้องเสี่ยงภัยถึงชีวิต เราจึงควรเรียนรู้จากสัตว์ผู้รุ่งโรจน์ทั้งหมดนี้

      (โปรดดูที่ภาคผนวก 10 สำหรับความรู้ทางจิตวิญญาณอันลึกซึ้งของท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ในเรื่องเอ็นคิว หรือคุณสมบัติที่สูงส่ง และแอลคิว หรือคุณสมบัติแห่งรักของสัตว์และมนุษย์)

      สร้างสวนอีเดนบนโลก

       

      ด้วยวิถีชีวิตวีแก้นออแกนิกเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจแห่งวีรบุรุษของทุกคน ความพยายามของเราร่วมกันจะทำให้โลกนี้ปลอดภัย สำหรับทั้งมนุษย์และสัตว์ร่วมโลกอันเป็นที่รักของเรา

      มันจะเป็นเหมือนสวนอีเดนบนโลก ที่ซึ่งทุกคนเข้าถึงการบริการชุมชนและทรัพยากรของชุมชนอย่างเท่าเทียมกัน  และทุกสิ่งจะถูกแจกจ่ายอย่างเท่าเทียม และทุกคนจะได้รับความเคารพ และความรัก และการดูแล ไม่ว่าจะเป็นคนต่อไป คนสุดท้าย หรือคนแรก

       

      การสนทนาระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์

      Q: เรียนท่านอาจารย์ ท่านจะอธิบายได้ไหมว่า ความสัมพันธ์แห่งรักระหว่างมนุษย์และสัตว์จะมีผลต่อโลกเราอย่างไร?

      M: สิ่งนั้นจะนำสันติสุขมากมายมายังโลก ฉันหมายถึงสันติสุขที่ใช้อักษรตัวใหญ่

    บทที่ 1.
    บทที่ 2.
    บทที่ 3.
    บทที่ 4.
    บทที่ 5.
    บทที่ 6.


    Copyright © The Supreme Master Ching Hai. All rights reserved. *