II. ทางเลือกอาหารของเราคือประเด็นชีวิตและความตาย
เรากำลังกลืนกินโลกของเรา
ถ้าการกินเนื้อสัตว์ไม่ถูกสั่งห้ามหรือไม่ถูกจำกัดแล้วล่ะก็ โลกทั้งใบอาจหายไป นี่เป็นเรื่องความเป็นความตายของทุกคน มันมิใช่ทางเลือกส่วนบุคคล และเมื่อเรากินเนื้อสัตว์ เราก็กำลังกลืนกินโลกทั้งหมด กลืนกิน 90% ของเสบียงอาหารทั้งหมด และปล่อยให้คนอื่น ๆ อยู่อย่างหิวโหย5 มันไม่ใช่ทางเลือกที่จำเป็นเลย
แม้แต่ก่อนจะมีภาวะฉุกเฉินนี้ คนที่กินเนื้อสัตว์ก็ได้กลืนกินทั้งโลก กินอาหารมากมาย ซึ่งเป็นผลให้เกิดความหิวโหยและสงคราม และมันไม่ใช่เป็นทางเลือกที่ถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่ม
“เว้นแต่เราจะเปลี่ยนทางเลือกอาหารของเรา ไม่มีสิ่งใดอื่นที่สำคัญ เพราะมันคือเนื้อสัตว์ที่ทำลายป่าไม้มากที่สุด มันคือเนื้อสัตว์ที่ก่อมลภาวะทางน้ำ มันคือเนื้อสัตว์ที่ก่อให้เกิดเชื้อโรค ซึ่งผันเงินของเราทั้งหมดไปสู่โรงพยาบาล ดังนั้นมันคือทางเลือกอันดับหนึ่งสำหรับทุกคนที่ต้องการจะรักษาโลกใบนี้ไว้” 6
—มาเนกะ คานธี
สถานการณ์ทั้งหมดนี้ [ภาวะโลกร้อน] กำลังเลวร้ายลงเรื่อย ๆ และจะไม่ยุติจนกว่าเราจะเปลี่ยนวิถีทางการดำเนินชีวิตของเรา ที่จริงแล้ว หนทางแก้ไขนั้นง่ายมาก เพียงแต่หยุดกินเนื้อสัตว์ นั่นก็คือหนทางแก้ไขที่ดีที่สุด นี่คือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ในขณะนี้ เนื่องด้วยภาวะอันตรายอันน่าสะพรึงกลัวของโลกเราและเวลาที่เรามีอย่างจำกัด
การเลิกผลิตเนื้อสัตว์จะช่วยให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงและเป็นหนทางที่เร็วที่สุดที่เป็นไปได้ และหยุดยั้งความเสียหายอันเลวร้ายต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ไปจนถึงการใช้ที่ดินและน้ำในทางที่ผิด การสูญเสียสัตว์ป่าและภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์
นอกจากหยุด [ภาวะโลกร้อน] ได้ถึง 50% แล้ว - ฉันหมายถึงมากกว่านั้น นี่เป็นแค่การประมาณการเชิงอนุรักษ์นิยม -ยังมีคุณประโยชน์ที่สำคัญอีกมากมาย มันช่วยแก้ปัญหาน้ำขาดแคลนของเรา วิกฤติความอดอยากของโลกเรา และปัญหามลภาวะและดินเสื่อม
ถ้าคุณเปรียบเทียบ [การกินเนื้อสัตว์] กับการกินอาหารวีแก้น การกินเนื้อสัตว์ใช้ผืนดินมากกว่า 1 7 เท่า ใช้น้ำมากกว่า 14 เท่า และใช้พลังงานมากกว่า 10 เท่า7 เราผลิตธัญพืชได้เพียงพอที่จะเลี้ยงประชากรมนุษย์ทั้งหมดอย่างเหลือเฟือ แต่กระนั้นประชากรหนึ่งพันล้านคนกำลังหิวโหย และเด็กเล็ก ๆ 6 ล้านคนเสียชีวิตในแต่ละปี – นั้นคือเด็กหนึ่งคนเสียชีวิตทุก ๆ ห้าวินาที ขณะที่เรามีอาหารมากมายที่จะเลี้ยงประชากรในโลกได้ทั้งหมด และมากกว่านั้น มากกว่าสองเท่าด้วยซ้ำ8 ในทางตรงข้าม ประมาณหนึ่งพันล้านคนทุกข์ทรมานจากโรคอ้วนและโรคภัยที่เกี่ยวข้องกับการกินมากเกินไปหรือการกินเนื้อสัตว์มากเกินไป
ดังนั้น จึงมีเหตุผลในทางปฎิบัติมากมายที่จะเป็นวีแก้น นอกเหนือจากธรรมชาติแห่งความเมตตาที่ถูกบ่มเพาะจากการอนุรักษ์ทุกชีวิต นี่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน แต่ถ้าผู้คนแค่เริ่มต้นด้วยอาหารวีแก้น การเอาใจใส่ใจต่อทุกชีวิตก็จะมาเอง
ยูเอ็นกระตุ้นให้หันมาทานอาหารปลอดเนื้อสัตว์และปลอดผลิตภัณฑ์นม:
“ผลกระทบจากการกสิกรรมกรรมคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการเติบโตของประชากร ซึ่งเพิ่มการบริโภคผลิตภัณฑ์สัตว์ การลดผลกระทบนี้อย่างมีนัยสำคัญจะเป็นไปได้ ด้วยการเปลี่ยนไปสู่การทานอาหารที่ไม่มีผลิตภัณฑ์สัตว์เท่านั้น” 9
การทานอาหารจากพืชเป็นทางออกที่รวดเร็วที่สุด
“การดำเนินการแทนที่การผลิตปศุสัตว์ไม่เพียงแต่สามารถบรรลุผลการลดก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังสามารถพลิกสถานการณ์วิกฤติอาหารและน้ำของโลกที่กำลังเกิดขึ้นได้อีกด้วย” 10
-สถาบันเวิร์ลวอร์ช
การเป็นวีแก้นจะส่งผลให้เกิดการขจัดมีเทนออกจากบรรยากาศทันที ซึ่งมีเทนเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่เก็บกักความร้อนมากที่สุดถึง 72 เท่าของการเก็บกักความร้อนของคาร์บอนไดออกไซด์11 แน่นอนว่าการเป็นวีแก้นนั้นจะทำให้การเปลี่ยนเป็นทะเลทรายช้าลง และรักษาทรัพยากรธรรมชาติของคุณ เช่น ทะเลสาบและแม่น้ำ และปกป้องป่าไม้ของคุณ
คุณสามารถใช้มาตรการสีเขียวอื่น ๆ เช่น การปลูกต้นไม้ หรือหันไปใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การทานมังสวิรัติคือหนทางที่เร็วที่สุดและยังลดกรรมเลวจากการฆ่าได้อีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นทางออกที่สำคัญที่สุด
เราอนุรักษ์น้ำสะอาดได้ 70% รักษาป่าฝนอเมซอนจากการถางป่าเพื่อเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ได้มากถึง 70% 12 มันทำให้มีพื้นที่สำหรับใช้ประโยชน์มากขึ้น 3.5 ล้านเฮกตาร์ต่อปี มันทำให้มีเมล็ดธัญพืชเหลือไว้ใช้ประโยชน์มากขึ้นถึง 760 ล้านตันต่อปี ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของผลิตผลธัญพืชทั่วโลก คุณจินตนาออกไหม? 13 ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่าที่ใช้ในการผลิตเนื้อสัตว์ 2/3 เท่า ลดมลพิษจากของเสียจากสัตว์ที่ไม่ได้รับการบำบัด รักษาอากาศให้สะอาด ลดการปล่อยก๊าซถึง 4.5 ตันต่อหนึ่งครัวเรือนในสหรัฐอเมริกาต่อปี และมันหยุดภาวะโลกร้อนได้ 80%14
ถ้าจะกล่าวถึงการประหยัดด้านการเงิน นักวิทยาศาสตร์ที่เนเธอร์แลนด์พบว่า ต้องใช้งบประมาณ 40 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในการยับยั้งสภาวะโลกร้อน ซึ่ง 80% เต็มของเงินจำนวนนี้จะประหยัดได้ด้วยการทานอาหารวีแก้น! นั่นคือการประหยัดเงินได้ถึง 32 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ สำหรับก้าวง่าย ๆ ของการหันจากเนื้อสัตว์ไปรับประทานผลิตผลจากพืช15
โลกมีกลไกที่จะซ่อมแซมตัวเอง แค่ว่ เราใช้งานดาวเคราะห์ดวงนี้หนักเกินไป เราสร้างมลพิษมากเกินไปและเราสร้างกรรมจากการฆ่ามากเกินไป โลกจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ซ่อมแซมตัวเองเพราะกรรมเลวของผู้อยู่อาศัย ทันทีที่เราลบล้างผลกรรมเลวจากการฆ่านี้ โลกก็จะกลับหลังหันและจะได้รับอนุญาตให้ซ่อมแซม ฟื้นฟู และค้ำจุนชีวิตอีกครั้ง แท้จริงแล้วมันคือ ผลกรรมเลว เราได้ใช้โลกนี้จนเกินพิกัด เราจึงต้องเปลี่ยนการกระทำของเรา ก็แค่นั้นเอง
แล้วเราจะรักษาโลกใบนี้ไว้ได้ รักษาชีวิตของเรา และชีวิตของลูก ๆ ของเรา และสัตว์ต่าง ๆ ก็เช่นกัน โลกจะกลายเป็นสวรรค์ ไม่มีใครขาดแคลนอะไรอีก ไม่มีใครหิวโหย ไม่มีสงคราม ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีภาวะโลกร้อน ไม่มีอะไรอื่นนอกจากสันติสุข ความสุขและความอุดมสมบูรณ์ ฉันสัญญาในนามของพระพุทธะ มันเป็นอย่างนั้น
การฆ่าสัตว์นำพาซึ่งกรรมเลว
“คุณหว่านเมล็ดพืชเช่นไร คุณจะได้ผลเช่นนั้น” “สิ่งที่เหมือนกันดึงดูดกัน” เราได้ถูกเตือนแล้วทั้งทางวิทยาศาสตร์และทางจิตวิญญาณ ดังนั้นภัยพิบัติทั้งหลายที่เกิดขึ้นทั่วโลก แน่นอนว่า มันเกี่ยวข้องกับการปราศจากความเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกของเรา นั่นคือราคาที่เราต้องจ่ายสำหรับสิ่งที่เราได้กระทำต่อสัตว์ผู้บริสุทธิ์ ผู้ที่ไม่เคยทำร้ายเรา ผู้ที่เป็นลูก ๆ ของพระเจ้าเช่นกัน ผู้ที่ถูกส่งมายังโลกนี้เพื่อช่วยเราและให้กำลังใจเรา
มันไม่ใช่ปัญหาทางเทคนิค มันไม่ใช่การซ่อมแซมทางเทคนิคที่เราต้องมุ่งไป มันคือผลกรรมสนอง เหตุและผลตอบสนองที่เราต้องให้ความสนใจ ราคาของการฆ่า ราคาของความรุนแรงนั้นเลวร้ายยิ่งกว่ารถยนต์ การระเบิดของดวงอาทิตย์ หรือการระเบิดของมหาสมุทรใดก็ตามรวมกัน เพราะเราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเรา ทุกการกระทำก่อให้เกิดการปฏิกิริยาตอบสนอง เราจึงแค่ต้องหยุดฆ่า เราแค่ต้องหยุดฆ่าสัตว์และมนุษย์
เราต้องหยุดมัน แล้วเมื่อนั้นทุกสิ่งจะกระจ่างทันที
เราจะพบกับวิธีทางเทคนิคที่ดีขึ้นในการแก้ปัญหาสภาวะอากาศ แม้แต่จุดในดวงอาทิตย์อาจหยุดระเบิดด้วยซ้ำ การระเบิดในมหาสมุทรอาจแค่ยุติลง พายุไต้ฝุ่นอาจแค่หยุด พายุไซโคลนจะเงียบหายไป แผ่นดินไหวจะแค่หายไป ทุกสิ่งอื่นจะเปลี่ยนสู่วิถีชีวิตที่สงบสุข เพราะเราสร้างสันติสุข เราก็จะมีสันติสุข สันติสุขไม่ใช่แค่ในหมู่มนุษย์แต่ในหมู่เพื่อนร่วมโลกทั้งหมด นั่นคือเหตุที่ฉันเน้นย้ำถึงการทานมังสวิรัติ มันคือหลักคุณธรรมของการเป็นมนุษย์ มันคือเครื่องหมายของการเป็นมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่
พลังงานแห่งความเมตตาสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
การทานมังสวิรัติคือความเมตตา ดังนั้นมันจะนำพลังความสุขมาให้คุณ แล้วมันจะก่อให้เกิดความสุขมากยิ่งขึ้น จะดึงดูดความสุขมากยิ่งขึ้น และเมื่อคุณมีความสุข ทุกอย่างจะดีขึ้น คุณคิดได้ดีขึ้น คุณจะตอบสนองดีขึ้น ชีวิตของคุณจะดีขึ้น ลูก ๆ ของคุณจะดีขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้น
และพลังรวมแห่งความรักที่เป็นบวกอันทรงพลังนี้จะขับไล่ความมืดที่กำลังมาหาเรา ที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ นั่นเป็นหนทางแก้ไขเดียวที่ฉันมี
คุณเห็นไหม เรามีพลังงานที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง เรามีอำนาจที่จะกำหนดสิ่งที่จะเกิดขึ้นรอบตัวเรา แต่เราต้องใช้มัน เราต้องใช้มันเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราต้องใช้มันเพื่อประโยชน์ของสรรพสิ่งบนโลกนี้ ความคิดของเรา การกระทำของเรา ต้องส่งข้อความให้กับพลังจักรวาลว่า เราต้องการดาวเคราะห์ที่ดีกว่า เราต้องการชีวิตที่ปลอดภัยกว่านี้ เราต้องการช่วยโลกที่ปลอดภัย แล้วพลังจักรวาลจะแค่ทำอย่างนั้น
แต่เราต้องปฎิบัติให้สอดคล้องกับพลังงานนี้ คุณเห็นไหม? หากเราต้องการสิ่งที่ดี เราก็ต้องทำความดี ถ้าเราต้องการชีวิต เราก็ต้องให้ชีวิต แล้วพลังงานดี ๆ ที่เราสร้างขึ้นจะสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ รวมถึงสิ่งอัศจรรย์อีกมากมาย บรรยากาศความรักความเมตตาที่เราทั้งโลกได้สร้างขึ้นนั้นสามารถและจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้แก่เรา
เราสร้างทุกสิ่งที่เราต้องการถ้าเราใช้ชีวิตตามกฎของจักรวาล เช่นนี้คือพลังของการเป็นวีแก้น เพราะมันหมายความว่าเราไว้ชีวิต เราต้องการชีวิต เราต้องการพลังงานที่สร้างสรรค์ เราไม่ต้องการการทำลายล้าง อาหารวีแก้นจึงคือคำตอบ
ยิ่งมนุษยชาติยกระดับทางจิตวิญญาณมากเท่าใด แน่นอนว่า ภาวะโลกร้อนก็จะบรรเทาลงมากเท่านั้น เมื่อมนุษยชาติมีระดับจิตวิญญาณที่สูงขึ้นและมีความรักมากขึ้นให้กับทุกคน ทุกสรรพสิ่ง ทุกสถานการณ์ และทุกสภาพแวดล้อม เมื่อนั้นภาวะโลกร้อนจะบรรเทาลงทุกวัน และจะหายไปโดยสิ้นเชิง และหลังจากนั้น ทุกคนในโลกจะอยู่อย่างมีสันติสุข ความสุขและจะรักกันและกัน แต่ทุกคนต้องตื่น
ฉันมั่นใจว่าโลกของเราจะไปถึงระดับของจิตสำนึกที่สูงขึ้น และปาฎิหาริย์จะบังเกิดขึ้นภายใต้ความเมตตาของสวรรค์