III. สู้กับปัญหาที่ต้นตอเดี๋ยวนี้
หยุดตัวก่อวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมรายใหญ่ที่สุดของเรา
“การปศุสัตว์ คือหนึ่งในตัวก่อให้เกิดปัญหารุนแรงด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดในทุกวันนี้ การดำเนินการอย่างเร่งด่วนนั้นจำเป็นเพื่อที่จะเยียวยาสถานการณ์” 59
—ดร. เฮ็นนิ่ง สไตน์เฟลด์ หัวหน้าข้อมูลการปศุสัตว์และแผนกนโยบาย เอฟเอโอ ยูเอ็น
“การปศุสัตว์เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการทำลายป่า การปศุสัตว์คือแหล่งกำเนิดที่ใหญ่ที่สุดของมลภาวะทางน้ำ การปศุสัตว์ผลิตก๊าซเรือนกระจกมากกว่าการขนส่งทั่วโลกรวมกัน”
— เงามืดที่ทอดยาวของการปศุสัตว์
หยุดโทษคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับทุกปัญหาที่เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนบนโลกของเรา เราต้องโทษตัวเราเอง อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์คือสิ่งที่เราต้องมุ่งเน้นในการหยุดยั้ง ในการละเลิก เพื่อยุติสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและเพื่อยุติการสูญเสียป่าไม้และที่ดิน และหยุดการพูดอ้อมไปอ้อมมา พูดให้ตรงจุด: อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ต้องหยุด
วิธีที่ฉลาดที่สุดก็คือการหยุดภาวะโลกร้อนด้วยการเป็นวีแก้น มันฟังดูง่ายมาก แต่ว่าเป็นหนทางแก้ไขที่ดีที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุดและผลกระทบของมันจะเห็นได้เกือบทันที หากปราศจากการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและทันการณ์นี้ ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่เราพยายามทำ มันก็จะไม่เพียงพอที่จะขับไล่ผลกระทบอันเลวร้ายที่สุดซึ่งเราได้เก็บสะสมเอาไว้
ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาต่าง ๆ ที่เราเผชิญอยู่แล้วในตอนนี้ – เช่น บรรยากาศที่อุ่นขึ้น การขาดแคลนน้ำ การขาดแคลนอาหาร และการเกิดทะเลทราย เราสามารถกำจัดได้อย่างรวดเร็วด้วยการหยุดผลิตเนื้อสัตว์ หยุดมันในตอนนี้ ไม่ทำอีกต่อไป!
“อย่าทานเนื้อสัตว์ นี่คือสิ่งที่ไอพีซีซีเกรงที่จะพูดก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เราพูดว่า: โปรดทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลง – เนื้อสัตว์เป็นสินค้าที่มีคาร์บอนเข้มข้นมาก” 60
—ดร. ราเจนดร้า เค. ปาชาอุรี
ปัญหาต้นตอคือด้านจิตวิญญาณ
“ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์และเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตบนโลกได้มากเท่ากับการวิวัฒนาการสู่การทานมังสวิรัติ” 61
—อัลเบิร์ต ไอสไตน์
ดังที่ฉันได้กล่าวไว้ เราต้องจัดการกับต้นตอของปัญหา ต้นตอของปัญหาคือสาเหตุของภาวะโลกร้อน และต้นตอนั้นก็คือการไม่มีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนร่วมโลกของเรา
ทุกการกระทำก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง และสิ่งนี้เป็นวิทยาศาสตร์อย่างมาก
คุณจะเห็นได้ว่า หากเราหว่านเมล็ดแอปเปิ้ล เราก็จะได้ต้นแอปเปิ้ล และจากต้นแอปเปิ้ลนั้น สักระยะหนึ่งมันก็จะออกผลให้แก่เรา นี่เป็นวงจรชีวิต หากเราฆ่า เราก็ไม่สามารถคาดหวังชีวิตจากมันได้ ทุกการกระทำส่งผลเดียวกันในภายหลัง มันไม่ใช่การพูดเชิงศาสนา มันเป็นวิทยาศาสตร์
ดังนั้น ในตอนนี้ต้นตอของปัญหาของเราก็คือ เราไม่มีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนร่วมโลกของเรา: ผู้ที่มีชีวิต ความรู้สึก เดิน แสดงออก เปี่ยมด้วยความรัก อย่างสัตว์ทุกขนาดและทุกรูปร่าง และเราได้ปราศจากความเมตตาต่อสิ่งแวดล้อมของเรา เราจึงได้ทำการฆาตกรรมหมู่สัตว์ร่วมโลกและเราได้ทำลายสิ่งแวดล้อมของเรา เช่น การทำลายป่า และการทำลายน้ำ และการทำลายอากาศ จากทั้งหมดนี้เราไม่อาจคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมได้
เสียงร้องคร่ำครวญ ความทุกข์และความเจ็บปวดอย่างที่สุดของสัตว์ที่ทุกข์ทรมานเหล่านี้ ผู้มีชีวิตอยู่ในกรงแคบ ๆ สกปรก ถูกกดขี่ คุมขัง และอาศัยอยู่ในความมืดทุกวัน ไม่เคยได้เห็นแสงอาทิตย์ และความเจ็บปวดแสนสาหัสก่อนและหลังการฆ่า ได้สะเทือนสวรรค์และโลก
ดังนั้นภัยธรรมชาติ ความแห้งแล้งต่าง ๆ ก็เพื่อชำระล้างการกระทำที่ไม่ดีของมนุษย์ออกไป และเป็นดั่งการเตือน อีกทั้งเพื่อชี้แนะมนุษย์ให้เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพื่ออนาคตที่สว่างไสว มีความสุข และจะได้ไม่มีความทุกข์ทรมานเกิดขึ้นกับสัตว์ทั้งหลายอันใดอีก
“คุณหว่านพืชใด คุณก็จะได้รับผลเช่นนั้น” พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้สอนเราเช่นนั้น มนุษยชาติจึงจำเป็นต้องตื่น มิฉะนั้นแล้ว เราก็จะต้องแบกรับผลกระทบที่จะตามมา
ดังนั้นการแก้ปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ เราต้องเปลี่ยนกระทำของเรา เราต้องมีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนร่วมโลกของเรา แทนที่จะฆ่าพวกเขา สังหารหมู่พวกเขา สังเวยชีวิตพวกเขา เราต้องดูแลพวกเขา ต้องมีความเมตตากรุณาต่อพวกเขา เอาใจใส่พวกเขา และแทนที่จะทำลายป่า เราต้องปลูกต้นไม้ขึ้นมาใหม่ ดูแลสิ่งแวดล้อมใดก็ตามที่เรามีอยู่ และแทนที่จะสร้างมลพิษให้กับโลกและอากาศของเรา เราต้องหันมาใช้พลังงานที่เป็นมิตรและพลังงานทดแทน เพียงแค่เปลี่ยนการกระทำของเรา
เราควรทำงานให้สอดคล้องกับพลังงานของจักรวาล กฎแห่งความรักของธรรมชาติ หากมนุษยชาติไม่เคารพชีวิตในรูปแบบอื่น ๆ เมื่อนั้นชีวิตของมนุษย์เองก็จะตกอยู่ในอันตรายด้วยเช่นกัน เพราะเราทั้งหมดนั้นเชื่อมต่อกัน
เราต่างพึ่งพาอาศัยกันและกันเพื่อความอยู่รอด แม้แต่หนอนตัวน้อย ๆ ที่ทำให้พื้นดินของเราเหมาะแก่การเพาะปลูก หากผู้คนหลีกหนีการฆ่าและเลือกวิถีชีวิตปลอดเนื้อสัตว์ พวกเขาก็จะเก็บเกี่ยวผลจากเมล็ดพันธุ์แห่งสันติภาพและความเมตตา
เราภาวนาให้มีผู้คนมากพอที่จะทำเช่นนั้นและอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเวลาของเรากำลังหมดลงแล้ว
กลับคืนสู่ตัวตนแห่งความรักของเราและช่วยกอบกู้โลก
เราต้องเข้าใจว่า ภัยธรรมชาติคือผลสืบเนื่องจากพลังงานลบในชั้นบรรยากาศของเรา และพลังงานลบในชั้นบรรยากาศของเรานี้ถูกสร้างขึ้นจากความรู้สึกของเรา ความคิดของเรา และการกระทำของเรา ไม่ว่าจะเป็นความเกลียดชัง ความรุนแรง และการฆ่าชีวิตมนุษย์และสัตว์ผู้บริสุทธิ์มากมาย หากเราไม่เปลี่ยนวิถีชีวิตที่ก่อให้เกิดภัยพิบัติแล้วละก็ ภัยพิบัติก็จะไม่มีวันจบสิ้น
เราต้องเปลี่ยนรูปแบบทางความคิดและวิถีชีวิตของเราสู่ระดับที่สูงขึ้นและมีความเมตตาและสูงส่งมากขึ้น เราต้องกลับคืนสู่ตัวตนที่แท้จริงและเปี่ยมด้วยความรักของเราด้วยการเชิดชูและปกป้องทุกชีวิต เริ่มต้นด้วยอาหารวีแก้นในทันทีเพื่อช่วยโลกอันล้ำค่าและงดงามใบนี้ของเรา วีแก้น มังสวิรัติ เป็นหนทางแก้ไขที่ดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด
การเป็นมังสวิรัติเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทางจิตวิญญาณในทุกรูปแบบ อันที่จริงแล้ว เหล่าผู้มีปัญญา นักปราชญ์ในอดีตโบราณทั้งหลายตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของอาหารจากพืชซึ่งมีแต่ความเมตตากรุณา มันเป็นข้อกำหนดขั้นพื้นฐานของผู้ปฏิบัติธรรม
แนวคิดที่อยู่เบื้องหลังการละทิ้งผลิตภัณฑ์สัตว์ก็คืออหิงสา – หมายถึงการไม่ใช้ความรุนแรง ด้วยการทานอาหารวีแก้น เราจะหลีกเลี่ยงกรรมสนองที่ไม่ดีจากการฆ่า และมันจะไม่สร้างภาระและเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางทางจิตวิญญาณของเรา
การเป็นวีแก้นหมายความว่า เราปกป้องสัตว์ทุกชีวิต การฆ่าชีวิตผู้อื่นต้องหยุดเพื่อที่มนุษยชาติจะได้วิวัฒนาการสู่ความเป็นอารยะ ประโยชน์ของการกระทำเช่นนั้นมีมากมาย นอกจากการฟื้นฟูสุขภาพแล้ว ความหลากหลายทางชีวภาพก็จะสัมฤทธิ์ผล สภาวะสมดุลของโลกก็จะฟื้นตัว พร้อมกับความเบาสบายของจิตสำนึกของเราและขีดความสามารถในการยกระดับจิตสำนึกของเราเอง
ทั้งหมดนี้คือผลที่ได้จากอาหารที่มีความเมตตามากกว่า ทัศนคติที่เปี่ยมไปด้วยความรักนี้ ยังสร้างบรรยากาศแห่งสันติสุขมากยิ่งขึ้น นำพาการปลอบโยนมาสู่ทุกชีวิต เมื่อความสงบสุขบังเกิดขึ้นกับตัวเราเองในการได้รู้ว่า เราไม่ได้สร้างความทุกข์ทรมานหรือความเจ็บปวดต่อเหล่าพี่น้องเพื่อนสัตว์ของเรา เราก็จะมีความสงบนิ่งภายในในการที่จะปฏิบัติธรรมด้วยหัวใจทั้งดวง
และในภาพรวม โลกของเราก็จะได้รับการเยียวยาด้วยเช่นกัน ดังเช่นการที่บุคคลหนึ่งได้รับการเยียวยาด้วยการหันมาทานอาหารแห่งความเมตตา – สิ่งที่เหมือนกันดึงดูดกัน พลังงานที่ดี เปี่ยมด้วยความรัก ความเมตตา ก็จะขจัดความมืดซึ่งกำลังเข้าหาเรา ซึ่งกำลังอยู่ใกล้ ๆ เราในตอนนี้
ในไม่ช้า เราจะมีสวรรค์บนโลก
โปรดตื่นเถิด!
โดยอนุตราจารย์ชิงไห่
โอ้ โลก ตื่นเถิดและมองดู
แม่น้ำและภูเขากำลังอยู่ในความวุ่นวาย
ป่าที่ถูกเผา เนินเขาที่ถูกกัดกร่อน ลำธารที่เหือดแห้ง
ที่สุดแล้ว จิตวิญญาณที่อับเฉาจะไปที่ใดในตอนท้ายของทุกความฝัน
โอ้ โลกผู้ยิ่งใหญ่ ขอให้ความทุกข์ทรมานของท่านจงบรรเทาลง
เพื่อให้น้ำตาเหล่านี้ลดน้อยลงในค่ำคืนอันแสนยาวนาน
เพื่อมอบความหวังสำหรับวันพรุ่งนี้ให้แก่มนุษยชาติ...
โอ้ สรรพสัตว์ จงหยุดพักในดินแดนเบื้องบน
ถึงแม้ว่าท่านได้จากไปโดยไม่มีการเอ่ยกล่าวใด ๆ
ขอให้การเต้นแรงของหัวใจฉันบรรเทาลง
ขณะที่ฉันกำลังรอคอยการสำนึกผิดที่ทันเวลาของชาวโลก
โอ้ ป่าลึก อนุรักษ์ไว้ซึ่งแก่นที่แท้จริงของท่าน
ปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ในช่วงเวลาที่พวกเขาทำผิดพลาด
โปรดรับหยาดน้ำตานับพันครั้งจากใจจริงของฉัน
เพื่อหล่อเลี้ยงต้นไม้ ใบไม้ และรากไม้ ที่สง่างามของท่าน
เพื่อให้จิตวิญญาณของฉันได้พักผ่อนในค่ำคืนอันแสนยาวนาน
น้ำตาได้เหือดแห้งไป และฉันไร้คำพูด
คร่ำครวญอย่างรวดร้าวให้กับผู้ทุกทรมาร
โอ้ ค่ำคืน โปรดจุดประกายแห่งแสงของท่าน
ส่องหนทางให้กับดวงวิญญาณของเหล่ามนุษย์ที่อยู่ในความมืด
โปรดสงบนิ่งเพื่อให้จิตใจของฉันมั่นคง
และเข้าสู่ความว่างเปล่าด้วยท่วงทำนองอันมหัศจรรย์แห่งสวรรค์
โอ้ กลางวัน อย่าได้ปลุกเร้าความโกลาหลในทันใด
เพื่อให้สันติภาพได้พำนักอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเรา
เพื่อให้ตัวตนที่แท้จริงได้ส่องแสงอย่างรุ่งโรจน์
โอ้ หัวใจของฉัน อย่าได้เศร้าโศกอีกต่อไป
ดั่งแมลงที่กำลังดิ้นรนอยู่ในฤดูหนาวอันเยือกเย็น
รอคอยวันพรุ่งนี้ที่สมบูรณ์แบบอย่างสงบ
และวันที่โลกจะถูกประดับด้วยกลดแห่งสวรรค์
โอ้ ฉันร้องไห้ ฉันขอวิงวอน ฉันภาวนา ฉันขอร้อง!
โอ้ พระพุทธะ ผู้ไร้ขอบเขต พระเจ้า เหล่าเทวดา
โปรดนำทางวิญญาณที่พลัดหลงจากหนทางแห่งสัจธรรม
ซึ่งเร่ร่อนอยู่ในวัฎจักรนรกแห่งความทุกข์ไม่รู้จบ
โอ้ พี่ชาย ตื่นเดี๋ยวนี้
เดินอย่างภาคภูมิใจในทะเลและแม่น้ำอันยิ่งใหญ่
มองตรงไปยังดวงอาทิตย์ที่ลุกเป็นไฟ
และปฏิญาณที่จะเสียสละเพื่อสรรพสิ่งทั้งหลาย
โอ้ พี่สาว ตื่นเดี๋ยวนี้
ลุกขึ้นจากสถานที่แห่งการทำลายล้าง
เรามาร่วมฟื้นฟูโลกของเราไปด้วยกัน
เพื่อให้ทุกคนร้องเพลงแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างมีความสุข