ชีวประวัติอย่างย่อของท่านอนุตราจารย์ชิงไห่
ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่เป็นนักมนุษยธรรม นักสิ่งแวดล้อม นักเขียน ศิลปิน นักออกแบบ นักดนตรี ผู้กำกับภาพยนตร์ และครูทางจิตวิญญาณที่มีชื่อเสียง ผู้ซึ่งความรักและความห่วงใยที่มีให้กับมวลมนุษย์ของท่านนั้น อยู่เหนือสีผิวและพรมแดนประเทศ นับตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 80 เป็นต้นมา ท่านได้เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกทางนิเวศวิทยาผู้อุทิศตนมากที่สุดท่านหนึ่งของโลก ด้วยการส่งเสริมการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การปลูกป่าไม้ วิถีชีวิตที่ยั่งยืน และสำคัญที่สุดก็คือ การทานวีแก้นออแกนิก ซึ่งเป็นวิธีแก้ไขวิกฤติสภาวะอากาศที่มีประสิทธิภาพที่สุด และรวดเร็วที่สุด
ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่สั่นคลอน ท่านอุทิศเวลาและทรัพยากรในการปลุกโลกให้ตระหนักถึงผลกระทบที่รุนแรงของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและทางออกวีแก้น ตั้งแต่ปี 2006 ถึงปี 2008 ท่านได้ดำเนินโครงการรณรงค์ทางเลือกใหม่ในการดำรงชีวิต และการสร้างความตระหนักด้านภาวะโลกร้อนที่เร่งด่วน ท่านยังมีวารสารข่าว เขียนหนังสือ ผลิตสารคดีมังสวิรัติในปี 2005 ที่มีชื่อว่า “วีรบุรุษที่แท้จริง” และรายการโทรทัศน์ในปี 2010 ที่มีชื่อว่า “คิงแอนด์โค” และเป็นแรงบัลดาลใจให้กับการสัมมนานานาชาติเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ ซึ่งออกอากาศบนโทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์ ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน ทั่วโลก ผ่านดาวเทียม ซึ่งนำเสนอข่าวที่ครอบคลุมด้านอากาศที่เปลี่ยนแปลง การทานวีแก้น และหัวข้อที่จรรโลงอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ยังได้แบ่งปันความรู้ของท่านกับผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ผู้นำรัฐบาล ผู้ทรงเกียรติ และประชาชนผู้ห่วงใย ผ่านการสัมมนาเกี่ยวกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง 29 ครั้ง ใน 15 ประเทศ ซึ่งออกอากาศสดผ่านดาวเทียมและวิทยุ จากความพยายามเหล่านี้ คำขวัญของท่าน “เป็นวีแก้น รักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยโลกเรา” ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งได้สร้างแรงลันดาลใจให้กับมวลมนุษย์ที่จะโอบรับวิถีชีวิตวีแก้นที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพ และวิวัฒนาการสู่สภาวะแห่งสันติและความกลมเกลียวที่สูงขึ้น ด้วยตัวอย่างอันมีเมตตา ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ยังได้ย้ำเตือนเราให้ระลึกถึงความดีภายในของเรา และความรักที่มีให้กับทุกสรรพสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น ประกายความคิดอันลึกซึ่งท่านได้มาจากการบรรลุธรรม ทำให้ท่านมองเห็นถึงต้นตอของความทุกข์ของมนุษย์ ความไม่กลมเกลียวทางสังคม และความเสื่อมถอยทางสิ่งแวดล้อม ความรุนแรงที่เราได้กระทำต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ รวมถึงเพื่อนสัตว์ผู้บริสุทธิ์ของเรา ด้วยความเมตตาที่มีต่อผู้อ่อนแอและไม่มีเสียง ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ได้เขียนหนังสือขายดีอันดับหนึ่งที่มีชื่อว่า "นกในชีวิตของฉัน" "สุนัขในชีวิตของฉัน" และ "สัตว์ป่าผู้สูงส่ง" อัญมณีทางวรรณกรรมเหล่านี้ซึ่งมีในหลายภาษาได้เปิดเผยถึงความคิดอันลึกซึ้งและความรู้สึกของสัตว์ร่วมโลก และเน้นย้ำถึงธรรมชาติแห่งสวรรค์และความรักอันไร้เงื่อนไขของพวกเขา
ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่เกิดที่เอาหลัก (เวียตนาม) ตอนกลาง ได้รับการศึกษาที่ยุโรป และทำงานให้กับสภากาชาด ต่อมาท่านตระหนักถึงความทุกข์ทรมานที่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก และความปรารถนาของท่านในการค้นหาหนทางแก้ไข ได้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับหนึ่งในชีวิตของท่าน ท่านจึงออกเดินทางสู่หิมาลัยเพื่อค้นหาการรู้แจ้งทางจิตวิญญาณ และในที่สุดก็ได้รับการถ่ายทอดแสงและเสียงภายในแห่งสวรรค์ ซึ่งต่อมาท่านเรียกว่า ธรรมวิถีกวนอิม หลังจากการบำเพ็ญอย่างขยันหมั่นเพียร ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ได้บรรลุการรู้แจ้งอันยิ่งใหญ่ หลังจากที่ท่านกลับจากหิมาลัย ตามคำร้องของผู้คนรอบตัว ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ได้เริ่มแบ่งปันธรรมวิถีกวนอิม ส่งเสริมลูกศิษย์ของท่านให้มองที่ภายในเพื่อค้นหาความยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ของพวกเขาเอง ไม่นานนัก ท่านได้รับคำเชิญไปปาฐกถาธรรมที่อเมริกา ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และแอฟริกา หัวใจอันมีเมตตาของท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ยังสะท้อนในความห่วงใยที่มีต่อผู้ยากไร้ ทุนทรัพย์จากการขายผลงานทางศิลปะของท่าน ทำให้ท่านสามารถสนับสนุนภารกิจในการปลอบโยนบุตรของพระเจ้าผ่านงานการกุศลและการบรรเทาภัยพิบัติทั่วโลก
แม้ว่าท่านจะไม่แสวงหาชื่อเสียงใด ๆ ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ได้รับรางวัลมากมายจากรัฐบาลและองค์การต่าง ๆ ทั่วโลก สำหรับงานด้านมนุษยธรรมของท่าน รางวัลส่วนหนึ่งได้แก่ รางวัลสันติภาพโลก รางวัลผู้นำทางจิตวิญญาณโลก รางวัลส่งเสริมสิทธิมนุษย์ รางวัลนักมนุษยธรรมโลก รางวัลการช่วยเหลือมวลมนุษย์ที่โดดเด่น รางวัลสันติภาพกุซี่ 2006 ประกาศเกียรติบัตรสัปดาห์ดนตรีลอสแองเจลลิส รางวัลเหรียญเงินอันดับหนึ่งเทลลี่ประจำปี 2006 ครั้งที่ 27 รางวัลวิถีชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งจากประธานาธิบดีของสหรัฐ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช และรางวัลอาสาสมัครประจำปี 2010 จากประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าของสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ วันที่ 25 ตุลาคม และวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ยังได้รับการประกาศให้เป็น “วันอนุตราจารย์ชิงไห่” ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อาวายและอิลลินอยส์ สาสน์แสดงความยินดีจากอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐ บิลคลินตัน บุช และเรแกน ได้ถูกมอบให้แก่ท่านในช่วงพิธีรับรางวัล และเพื่อเป็นการยกย่องบุคคลที่มีคุณธรรมและส่งเสริมผู้อื่นให้เป็นแรงบันดาลใจจากตัวอย่างของพวกเขา ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ได้ก่อตั้งรางวัลโลกที่ส่องแสง ซึ่งมอบให้กับบุคคลและสัตว์ผู้คู่ควร สำหรับวิริยภาพอันโดดเด่น ความเมตตา ภาวะผู้นำ ความกล้าหาญ หรืออัจฉริยภาพของพวกเขา
ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ยังอุทิศชีวิตอย่างไม่เห็นแก่ตัว ให้กับการสร้างอนาคตอันงดงามเพื่อโลกอันเป็นที่รักของเรา และผู้อยู่อาศัยอันล้ำค่า ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ผู้มีวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ได้มีความฝัน และท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ได้กล่าวของท่านชัดแจ้ง ดังนี้ “ฉันมีความฝัน ฉันฝันว่าทั้งโลกจะสงบสุข ฉันฝันว่าการฆ่าทั้งหมดจะยุติลง ฉันฝันว่าเด็ก ๆ ทุกคนจะเดินในสันติสุขและความกลมเกลียว ฉันฝันว่า ทุกประเทศจะจับมือกัน ปกป้องกันและกัน และช่วยเหลือกัน ฉันฝันว่าโลกอันงดงามของเราจะไม่ถูกทำลาย มันใช้เวลาเป็นพัน ๆ ล้าน ล้าน ๆ ปีที่จะสร้างโลกใบนี้ขึ้นมา และมันงดงามยิ่ง น่าอัศจรรย์ยิ่ง ฉันฝันว่ามันจะดำเนินต่อไป แต่ในสันติสุข ความงดงาม และความรัก”